การใช้สายตาในยุคดิจิทัล ความท้าทายและแนวทางดูแลสุขภาพตา

ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาท ในชีวิตประจำวัน การใช้สายตาใน การจ้องจออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ และแท็บเล็ต กลายเป็นเรื่องปกติ ทั้งในวัยเรียน วัยทำงาน ไปจนถึงผู้ สูงอายุ แม้จะเพิ่มความสะดวกใน การใช้ชีวิต แต่การใช้สายตากับ หน้าจอเป็นเวลานานกลับส่งผลเสีย ต่อสุขภาพดวงตาอย่างมีนัยสำคัญ


หนึ่งในภาวะที่พบบ่อยคือ

กลุ่ม อาการตาล้า (Digital Eye Strain หรือ Computer Vision Syndrome)

ซึ่งเกิดจากการจ้อง หน้าจอต่อเนื่องเป็นเวลานานโดย ไม่พักสายตา อาการที่พบบ่อย ได้แก่ แสบตา เคืองตา ตาแห้ง ปวดศีรษะ ตามัวชั่วคราว หรือรู้สึก หนักเบ้าตา ทั้งนี้การใช้สายตาใน ระยะใกล้นาน ๆ โดยเฉพาะในเด็ก อาจเพิ่มความเสี่ยงของภาวะ สายตาสั้นในระยะยาว


กลไกการเกิดตาแห้ง

มักเกิดจาก การกระพริบตาน้อยลงเมื่อเพ่งหน้าจอ ส่งผลให้ฟิล์มน้ำตาไม่กระจาย อย่างทั่วถึง ผิวกระจกตาจึงแห้ง และระคายเคืองง่าย หากไม่ได้รับ การดูแล อาจเกิดการอักเสบหรือ ส่งผลต่อคุณภาพการมองเห็นได้ ในระยะยาว


เพื่อป้องกันและดูแลสุขภาพดวงตา ในยุคดิจิทัล แนะนำหลักปฏิบัติ ดังนี้:

  1. กฎ 20-20-20: ทุก 20 นาที ควรมองสิ่งที่อยู่ไกลออกไป 20 ฟุต (ประมาณ 6 เมตร) เป็นเวลา 20 วินาที เพื่อให้กล้ามเนื้อตา คลายตัว
  2. ปรับแสงหน้าจอและสิ่งแวดล้อม ให้เหมาะสม ลดการสะท้อนแสง และหลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์ใน ที่มืด
  3. กระพริบตาให้บ่อยขึ้น หรือ หยอดน้ำตาเทียมเมื่อรู้สึกตา
  4. จำกัดเวลาการใช้หน้าจอในเด็ก โดยเฉพาะเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี ไม่ควรใช้หน้าจอเกิน 1 ชั่วโมง ต่อวัน และควรส่งเสริมการมี กิจกรรมกลางแจ้งเป็นประจำ
  5. ตรวจสุขภาพตาเป็นประจำ โดย เฉพาะผู้ที่ใช้งานหน้าจอเป็น เวลานานในแต่ละวัน 

ในโลกที่เทคโนโลยีเป็นส่วนหนึ่ง ของชีวิต การตระหนักถึงผลกระทบ ต่อสุขภาพตา และการดูแลอย่าง เหมาะสม จะช่วยลดความเสียงและ ป้องกันปัญหาสายตาในระยะยาว เพื่อให้ดวงตาทำหน้าที่ได้อย่างมี ประสิทธิภาพต่อไป


โดย พญ.เพ็ญนภา จำปาทอง
ชำนาญพิเศษ: จักษุวิทยา (Ophthalmology)
เฉพาะทาง: โรคต้อหิน (Glaucoma)
แผนกจักษุ | โรงพยาบาลกรุงเทพขอนแก่น

Privacy Settings