ปวดประจำเดือน ร้าวลง ทวารหนัก ระวัง! ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ แบบรุนแรง หรือ แบบฝังลึก (Severe Endometriosis / Deep Infiltrative Endometriosis :DIE)

ปวดประจำเดือน ร้าวลง ทวารหนัก

อาการปวดประจำเดือนที่รู้สึกร้าว “ลึกลงไปทางทวารหนัก” หรือ “ปวดเหมือนอุจจาระไม่สุด” โดยเฉพาะในช่วงมีประจำเดือน เป็นสัญญาณที่ไม่ควรมองข้าม อาจเกี่ยวข้องกับภาวะที่เรียกว่า เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่แบบฝังลึก (Deep Infiltrative Endometriosis: DIE or Severe Endometriosis)  


ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis)

เป็นโรคที่พบบ่อยในผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ โดยเกิดจากการที่เนื้อเยื่อเยื่อบุโพรงมดลูกไปเจริญเติบโตอยู่นอกโพรงมดลูก เช่น บริเวณรังไข่(เกิดช็อคโกแลตซีสต์) ท่อนำไข่(ทำให้อักเสบ บวมน้ำ มีบุตรยาก) เยื่อบุช่องท้อง ลำไส้ตรง (rectum), ช่องคลอดด้านหลัง, ท่อปัสสาวะ, ท่อไต(ไตบวม), เยื่อหุ้มปอด, กระบังลม, แผลผ่าคลอด, เชิงกราน หรือ เส้นประสาท ซึ่งในบางกรณีอาจลุกลามอย่างรุนแรง เรียกว่า แบบฝังลึก (Deep Infiltrative Endometriosis - DIE) โดยมักลุกลามลึกกว่า 5 มม. โดยรอยโรคในรูปแบบนี้มักฝังตัวลึกเข้าสู่ อวัยวะ ที่อยู่ใกล้ตัวมดลูก ทำให้เกิดเกิดการอักเสบในจุดต่างๆ มีอาการที่รุนแรงและมีผลต่อคุณภาพชีวิต  


ปัจจุบัน คลินิกผ่าตัดผ่านกล้องทางนรีเวช รพ.กรุงเทพขอนแก่นเปิดให้บริการ รักษาและผ่าตัดผ่านกล้อง ในผู้ป่วยนรีเวช ที่มีข้องบ่งชี้ในการผ่าตัด โดยใช้เทคโนโลยีการผ่าตัดโดยใช้กล้องที่มีความละเอียดสูง และทันสมัย มาใช้ในการรักษาผู้ป่วย ที่มีภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่แบบรุนแรงหรือแบบฝังลึก ซึ่งเป็นโรคที่มีความซับซ้อน ทำให้เห็นรอยโรคได้อย่างชัดเจน และแม่นยำ

นอกจากนี้การผ่าตัดผ่านกล้องจะทำให้ เห็นรอยโรคได้ชัดเจนและเลาะ พังผืดได้ดี  เนื่องจากเป็นการผ่าตัดแบบแผลเล็ก จึงทำให้ เจ็บปวดน้อย และ ฟื้นตัวไว ดูแลรักษาโดย ทีมแพทย์เฉพาะทางสหสาขา ซึ่งจะมีการวางแผนการรักษาร่วมกันก่อนทำการผ่าตัด ประกอบด้วย 

  1. สูตินรีแพทย์เฉพาะทางผ่าตัดผ่านกล้องทางนรีเวช 
  2. ศัลยแพทย์เฉพาะทางด้านการผ่าตัดผ่านกล้อง  
  3. ศัลยแพทย์เฉพาะทางทางเดินปัสสาวะ  

อาการสำคัญที่ควรเฝ้าระวัง

  • ปวดประจำเดือนอย่างรุนแรง (Dysmenorrhea)
  • ปวดอุ้งเชิงกรานเรื้อรัง (Chronic pelvic pain)
  • ปวดร้าวลงทวารหนัก โดยเฉพาะขณะมีประจำเดือน
  • ปวดร้าวลงทวารขณะถ่ายอุจจาระช่วงมีประจำเดือน
  • ปวดร้าวลงทวารช่วงมีประจำเดือน แต่พอไปเข้าห้องน้ำกลับไม่มีอะไรออกมา
  • ปวดระหว่างมีเพศสัมพันธ์ (Dyspareunia)
  • รู้สึกเหมือนอุจจาระไม่สุด หรือถ่ายลำบาก
  • มีเลือดปนมากับอุจจาระในบางกรณี
  • มีภาวะมีบุตรยากร่วมด้วย (Infertility)
  • ในรายที่ลุกลามไปยังเส้นประสาท อาจมีอาการชาร้าวลงขาหรือปวดแบบเส้นประสาท

การตรวจวินิจฉัย 

  1. ซักประวัติและตรวจร่างกาย
    • แพทย์จะสอบถามรายละเอียดอาการปวด ความสัมพันธ์กับรอบเดือน รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของระบบขับถ่าย
    • การตรวจภายใน อาจพบปุ่มแข็งหรือก้อนบริเวณหลังช่องคลอด (Nodularity at Posterior Fornix)  หรือบริเวณผนังตรงลำไส้
  2. การตรวจวินิฉัยด้วยเครื่องมือทางการแพทย์
    • อัลตราซาวด์ผ่านทางช่องคลอด (Transvaginal Ultrasound): ช่วยประเมินรอยโรคและถุงน้ำในรังไข่ (Endometrioma)
    • MRI อุ้งเชิงกราน: ตรวจดูการฝังลึกของรอยโรคในลำไส้หรือบริเวณรอบๆ
    • Colonoscopy: ในกรณีสงสัยรอยโรคทะลุเข้าลำไส้
    • การส่องกล้องทางหน้าท้อง (Laparoscopy) เพื่อการวินิจฉัย และ ปัจจุบันใช้เพื่อนำมาเป็นการผ่าตัดรักษาเนื่องจากเห็นรอยโรคได้ชัดเจนและเลาะพังผืดได้ดีมาก

การรักษา 

  1. รักษาด้วยยา 
    •  • ยาคุมกำเนิดฮอร์โมนรวม 
    •  • ยาโปรเจสติน เช่น Dienogest 
    •  • ยากลุ่ม GnRH agonist เช่น Leuprolide 

      ยาเหล่านี้ช่วยลดอาการ แต่ไม่สามารถกำจัดรอยโรคที่ฝังลึกได้ทั้งหมด 
       

  2. การผ่าตัดรักษา 
    • การผ่าตัดผ่านกล้อง (Laparoscopic excision surgery): เพื่อตัดรอยโรคออกอย่างแม่นยำ เป็นการรักษาหลักในรายที่เป็นแบบฝังลึกหรือตอบสนองต่อยาไม่ดี  
    • กรณีลุกลามไป กระเพาะปัสสาวะหรือลำไส้ จำเป็นต้องได้รับการรักษาโดยทีมแพทย์สหสาขา สูตินรีแพทย์เฉพาะทางผ่าตัดผ่านกล้องทางนรีเวช และศัลยแพทย์เฉพาะทางผ่าตัดผ่านกล้อง ซึ่งจะวางแผนการรักษาและการผ่าตัดร่วมกันเป็นทีมผ่าตัด เนื่องจาก ถือเป็นเคสที่มีความซับซ้อน  

การผ่าตัดในกรณีรอยโรคลุกลามลำไส้ 

หากรอยโรคฝังลึกเข้าสู่ผนังลำไส้ (โดยเฉพาะลำไส้ตรงหรือ Sigmoid colon) การรักษาอาจต้อง ตัดบางส่วนของลำไส้ออก (Segmental bowel resection) หรือ Disc excision ขึ้นอยู่กับตำแหน่งและความลึกของรอยโรค  วางแผนการรักษาและผ่าตัดโดย สูตินรีแพทย์เฉพาะทางผ่าตัดผ่านกล้องทางนรีเวช และ ศัลยแพทย์เฉพาะทางผ่าตัดผ่านกล้อง

ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้หลังผ่าตัดลำไส้ 

  •  การติดเชื้อแผลผ่าตัด 
  •  การรั่วของลำไส้ (Anastomotic leakage) 
  •  ปัญหาเรื่องระบบขับถ่าย เช่น ท้องเสียเรื้อรัง หรือท้องผูก 

การติดตามหลังผ่าตัด 

  • พบแพทย์เพื่อติดตามอาการเป็นระยะ ต่อเนื่อง 2-5 ปี 
  • อาจให้รับประทานฮอร์โมนต่อเนื่องเพื่อลดโอกาสการกลับมาเป็นซ้ำ กรณีไม่มีข้อบ่งห้ามในการให้ฮอร์โมน 
  • ในรายที่มีบุตรยาก อาจวางแผนการตั้งครรภ์หลังฟื้นตัวจากการผ่าตัด  

โอกาสกลับมาเป็นซ้ำ 

หลักการและเหตุผลการรักษาเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ 

  • กรณี case Endometriosis (Endometriosis : as a chronic disease require as individualized, long term management plan with gold of maximizing use of medication treatment and avoiding repeated surgical procedures) 
  • มีโอกาสในการกลับเป็นซ้ำ(recurrent rate)ได้ในกรณีผู้ป่วยโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ กรณีที่ยังเก็บรังไข่ มีโอกาสการกลับเป็นซ้ำได้ หลังการผ่าตัด 21.5% ใน 2 ปี และ 40-50 % ใน 5 ปี  (Guo SW. Hum Reprod Update 2009) 
  • การได้รับยาต่อเนื่องหลังการผ่าตัด Dienogest สามารถลดการผ่าตัดซ้ำ (reoperation)ได้ 4% เมื่อเทียบกับ ไม่ได้รับยา 69% (reoperation)เมื่อติดตามไปเป็นระยะเวลา 5 ปี (Ota Y, J Endometr Pelvic Pain Discord. 2015) 
  • มีการศึกษาพบว่า Dienogest สามารถลดอาการปวดประจำเดือน อาการปวดขณะมีเพศสัมพันธ์ และอาการปวดท้องน้อยที่ไม่สัมพันธ์กับประจำเดือนได้ได้ดี เทียบเท่า Leuprolide Acetate (Strowitzki T et al, Hum Reprod 2010) 
  • การใช้ยาฮอร์โมนภายหลังการผ่าตัดอย่างสม่ำเสมอมีส่วนช่วยลดอัตราการกลับมาเป็นซ้ำ 

ถาม–ตอบ: สำหรับผู้ป่วยทั่วไป

Q: ทำไมปวดประจำเดือนถึงปวด “ลึกลงก้น” หรือ “ทวารหนัก” ได้? 

A: อาจเกิดจากเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่แบบฝังลึก ซึ่งรอยโรคอาจลุกลามถึงลำไส้ตรงหรือเส้นประสาทเชิงกราน ทำให้รู้สึกปวดร้าวในตำแหน่งนี้ 

⸻ 

Q: อาการแบบไหนที่ควรรีบไปพบสูตินรีแพทย์? 

A: หากคุณมีอาการปวดประจำเดือนที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ปวดขณะถ่ายอุจจาระ หรือรู้สึกปวดร้าวลงทวารหนัก โดยเฉพาะถ้ามีภาวะมีบุตรยากร่วมด้วย ควรรีบไปตรวจเพิ่มเติม 

⸻ 

Q: ต้องผ่าตัดไหมถ้ามีรอยโรคแบบฝังลึก? 

A: ในกรณีที่รอยโรคลุกลามลึกหรือไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยา การผ่าตัดผ่านกล้องโดยสูตินรีแพทย์เฉพาะทางผ่าตัดผ่านกล้องทางนรีเวช และศัลยแพทย์เฉพาะทางผ่าตัดผ่านกล้อง ซึงจะวางแผนการรักษา ร่วมกันเป็นทีมผ่าตัด ซึ่งถือเป็นเคสที่มีความซับซ้อน เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุด 

⸻ 

Q: ผ่าตัดแล้วจะหายขาดไหม? 

A: มีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้ โดยเฉพาะหากไม่ได้ใช้ฮอร์โมนป้องกันหลังผ่าตัด หรือหากรอยโรคผ่าตัดออกไม่หมด แต่หากดูแลต่อเนื่องร่วมกับสูตินรีแพทย์ที่ดูแล สามารถควบคุมอาการได้ดี โดยต้องมาติดตามอาการเป็นระยะ 


 สรุป 

อาการปวดประจำเดือนลงทวารหนักไม่ใช่แค่อาการ “ปวดธรรมดา” แต่เป็น สัญญาณเตือนที่สำคัญ ของโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่แบบฝังลึก (DIE) ซึ่งอาจต้องรักษาอย่างจริงจังด้วยการผ่าตัด หากมีอาการเหล่านี้ควรพบสูตินรีแพทย์เฉพาะทางเพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่ถูกต้อง  


เขียนบทความโดย 

นพ.สิทธิพงศ์ ถวิลการ 
สูตินรีเวชวิทยา (Obstetrics & Gynecology) 
เฉพาะทาง ผ่าตัดผ่านกล้องทางนรีเวช (Gynecologic Endoscopy) 
ศัลยกรรมจุดซ่อนเร้นและความงามทางนรีเวช (Aesthetic Gynecology) 

 

คลินิกผ่าตัดผ่านกล้องทางนรีเวช 
ออกตรวจ จันทร์ - ศุกร์ 8.00 น. – 17.00 น 
แผนกสุขภาพสตรี โรงพยาบาลกรุงเทพขอนแก่น 
043-042787 


เอกสารอ้างอิง (References) 

 1. Chapron C, et al. Deep infiltrating endometriosis: pathogenetic implications of the anatomical distribution. Hum Reprod. 2003;18(6):1571–1576. 

 2. Abrão MS, et al. Deep endometriosis infiltrating the recto-sigmoid: critical factors to consider before management. Hum Reprod Update. 2015;21(3):329–339. 

 3. Roman H, et al. Surgical management of deep infiltrating endometriosis affecting the bowel: the rectal shaving technique. Fertil Steril. 2011;95(3):828–831. 

 4. Becker CM, et al. ESHRE guideline: endometriosis. Hum Reprod Open. 2022;2022(2):hoac009. 

 5. Johnson NP, et al. Consensus on current management of endometriosis. Hum Reprod. 2013;28(6):1552–1568. 

Privacy Settings